กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ

หลังจากในปี 2008 ที่ Satoshi Nakamoto สร้างสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อว่า Bitcoin ขึ้นมาโดยมีจำนวนเหรียญทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin สาเหตุหนึ่งก็เพื่อต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของเงินเฟ้อในอนาคต พอเมื่อเวลาผ่านไปความต้องการ Bitcoin ที่เพิ่มมากขึ้นจากหลายเหตุผลในขณะที่จำนวนเหรียญมีอย่างจำกัด ราคา Bitcoin จึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในฐานะของนักลงทุนที่มีความสนใจในสินทรัพย์ชนิดใหม่นี้ การพิจารณาและคำนึงถึงการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลจึงมีความสำคัญไม่แพ้กันครับ

Hardware Wallet เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ Private Key ของคุณจะถูกเก็บไว้ใน Hardware Wallet และมันสามารถเก็บ Bitcoin จำนวนเท่าไหร่ก็ได้ กระเป๋าเงินชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้โดยตรงและไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากกระเป๋าเงินประเภทอื่น ๆ

E-wallet นั้นเป็นหนึ่งใน digital product ที่มีโอกาสในการเติบโตไม่น้อยไปกว่า FinTech ชนิดอื่นๆ ถึงว่าในปัจจุบันจะมีผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่รายที่ครองตลาดในประเทศไทย แต่หากคุณมีไอเดียที่อยากจะพัฒนาดิจิทัลโปรดักต์ e-wallet ทาง Seven Peaks ก็พร้อมที่จะช่วยทำให้ความฝันนั้นของคุณกลายเป็นจริง เพื่อก้าวขึ้นไปแข่งขันกับบรรดากระเป๋าเงินดิจิทัลได้อย่างทัดเทียม ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ที่ถูกพัฒนามาเพื่อผู้ใช้ชาวไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง ปรึกษาเราตอนนี้

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป๋าตัง

แอพ Piggipo Go ถือว่าได้รับการพัฒนามาจากแอพ Piggipo ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ในแอพนี้ นอกจากมีฟีเจอร์ในการบันทึกข้อมูลรายรับรายจ่ายทั่วไป, ฟีเจอร์ในส่วนของบัตรเครดิตที่เราสามารถดูค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้แบบ Real-Time รวมไปถึงฟีเจอร์ในการช่วยจัดการบัตรเครดิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณดอกเบี้ย ฯลฯ ในเวอร์ชันนี้ ตัวแอพยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Cash Flow ที่ช่วยในการวางแผนด้านการเงิน, Transfer wallet ที่รองรับการโอนเงินข้ามกระเป๋าด้วย, เครื่องคิดเลข ที่ช่วยให้เราสามารถคิดคำนวณได้ภายในแอพเลย, การเพิ่มขึ้นของ Category icon ฯลฯ นอกจากนี้ เรายังสามารถ Export ไฟล์ ออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้แบบฟรีๆ เลย เรียกได้ว่า ครอบคลุมทั้งผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงผู้ใช้งานที่เน้นการใช้บัตรเครดิตเลย

https://thesupperstar.com/ hopee.co.th/file/446762caa86d385b0f7e2d44229179ef” alt=”กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีกี่ประเภท” />

แอพ Piggipo Go ถือว่าได้รับการพัฒนามาจากแอพ Piggipo ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ในแอพนี้ นอกจากมีฟีเจอร์ในการบันทึกข้อมูลรายรับรายจ่ายทั่วไป, ฟีเจอร์ในส่วนของบัตรเครดิตที่เราสามารถดูค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้แบบ Real-Time รวมไปถึงฟีเจอร์ในการช่วยจัดการบัตรเครดิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณดอกเบี้ย ฯลฯ ในเวอร์ชันนี้ ตัวแอพยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Cash Flow ที่ช่วยในการวางแผนด้านการเงิน, Transfer wallet ที่รองรับการโอนเงินข้ามกระเป๋าด้วย, เครื่องคิดเลข ที่ช่วยให้เราสามารถคิดคำนวณได้ภายในแอพเลย, การเพิ่มขึ้นของ Category icon ฯลฯ นอกจากนี้ เรายังสามารถ Export ไฟล์ ออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้แบบฟรีๆ เลย เรียกได้ว่า ครอบคลุมทั้งผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงผู้ใช้งานที่เน้นการใช้บัตรเครดิตเลย

หากจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือเป๋าตังเปย์ (Paotang Pay) อีกหนึ่งช่องทางการชำระเงินผ่านดิจิทัลจากธนาคารกรุงไทย ซึ่งสามารถสแกนได้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น QR code แบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านคิวอาร์พร้อมเพย์ และร้านค้าถุงเงิน พร้อมเก็บคูปองส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำ

โดยในปัจจุบันแอปฯ เป๋าตัง ไม่ได้เป็นแค่ e-wallet ที่ไว้ใช้สแกนจ่ายเงินค่านู่นนี่นั่นเท่านั้น แต่ยังมีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย อาทิ การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล, การซื้อทอง, ใช้สิทธิในโครงการและมาตรการต่างๆ จากรัฐ, ตรวจสอบสิทธิและเงื่อนไขการรับบริการด้านสุขภาพ, ลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้, ใช้บัตร Play เพื่อจ่ายเงินหน้าร้านหรือทางออนไลน์ รวมถึงจ่ายเงินค่ารถไฟฟ้าและทางด่วนได้ในบัตร ฯลฯ เป็นต้น

E-wallet หลายๆ ตัวมักมาพร้อมกับเครื่องมือจัดทำงบประมาณและประวัติการทำธุรกรรมในแอปฯ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น, รูปแบบการใช้จ่ายต่างๆ, และวางแผนงบประมาณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนำไปสู่การจัดการทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต

หากถามคนทั่วไปว่ารู้จัก e-wallet ไหม หลายคนก็คงส่ายหน้า แต่ถ้าบอกว่าแอปฯ เป๋าตัง คือ digital wallet พวกเขาก็จะร้องอ๋อทันที ด้วยความที่แพลตฟอร์มนี้เคยผูกกับการใช้โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้มันกลายเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่คนไทยใช้มากที่สุดลำดับต้นๆ ไปโดยปริยาย

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีกี่ประเภท

หลังจากในปี 2008 ที่ Satoshi Nakamoto สร้างสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อว่า Bitcoin ขึ้นมาโดยมีจำนวนเหรียญทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin สาเหตุหนึ่งก็เพื่อต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของเงินเฟ้อในอนาคต พอเมื่อเวลาผ่านไปความต้องการ Bitcoin ที่เพิ่มมากขึ้นจากหลายเหตุผลในขณะที่จำนวนเหรียญมีอย่างจำกัด ราคา Bitcoin จึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในฐานะของนักลงทุนที่มีความสนใจในสินทรัพย์ชนิดใหม่นี้ การพิจารณาและคำนึงถึงการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลจึงมีความสำคัญไม่แพ้กันครับ

E wallet และ Digital wallet มีความเหมือนกันตรงที่ว่า เป็นแอปพลิเคชั่นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นระบบในการชำระเงินและการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ซึ่ง E wallet เป็นคำที่ใช้เรียกกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทโดยรวมแต่ Digital wallet จะเป็นระบบการชำระเงินที่มีการนำเอาระบบ Fintech หรือ Financial Technology มาปรับใช้ร่วมด้วยเพื่อให้บริการทางการเงิน โดยเฉพาะในส่วนที่ทางธนาคารไม่ได้ให้บริการอย่างครอบคลุม ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า Digital wallet เป็นหนึ่งในประเภทของ E wallet ส่วน E wallet ไม่ได้เพียงแค่ Digital wallet เท่านั้นแต่จะมี Electronics wallet ประเภทอื่นๆร่วมด้วย

และทั้งหมดนี้ก็คือแอพพลิเคชัน กระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Wallet ที่ทีมงานได้นำมาแนะนำกัน รวมไปถึง แอพพลิเคชันที่จะช่วยจดบันทึกรายรับรายจ่าย และช่วยบริหารค่าใช้จ่ายของเราได้ดียิ่งขึ้นด้วย ในส่วนของแอพกระเป๋าเงินนั้น ก็ต้องบอกเลยว่ามีความครอบคลุมการใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านชื่อดัง หรือร้านค้าทั่วไป บริการการเดินทางและการขนส่ง ใครที่มองหาแอพพลิเคชันประเภท E-Wallet ที่น่าใช้งานก็สามารถลองเข้าไปดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้เลย

ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รูปแบบของเงิน หรือตัวกลางที่ใช้แลกเปลี่ยนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin นั้น เราไม่สามารถใช้วิธีการเก็บเช่นเดียวกับเงินสกุลใด ๆ ก็ตามในอดีต แต่คุณจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Wallet พูดง่าย ๆ คือกระเป๋าเงินดิจิทัลนั่นแหละครับ ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบของ App ในโทรศัพท์ เก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์ เก็บไว้ใน Hardware Wallet หรือแม้กระทั่งเก็บไว้ในกระดาษ…โดยที่ Wallet นี้จะมีการเข้ารหัสเอาไว้ Private Key คือสิ่งที่คุณจะต้องรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ส่วน Public Key หรือ Address คือสิ่งที่คุณจะต้องแจ้งกับผู้อื่นในการจะทำธุรกรรมใด ๆ เปลี่ยนเหมือนเลขที่บัญชีธนาคารของตัวคุณเองนั่นแหละครับ

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีความหมาย

จากเดิมที่ใครสักคนอยากเปิดบัญชีธนาคารเพื่อไว้ใช้โอนเงินหรือชำระค่าสิ่งของ พวกเขาจะต้องไปเปิดบัญชีที่สาขาธนาคารเพื่อทำเรื่องต่างๆ แต่ขั้นตอนเหล่านั้นจะลดน้อยลงมาก เพราะไม่ว่าใครก็สมัครใช้งาน e-wallet ได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร จากนั้นจะเก็บเงิน, ชำระเงิน, และเข้าถึงบริการทางการเงินอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายและเข้าถึงโอกาสทางการเงินต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ปกติแล้วพวกเรามักใช้คำว่า e-wallet และ digital wallet สลับกันไปมาเป็นเรื่องปกติ และที่จริงแล้วสองคำนี้มีแนวคิดเดียวกัน นั่นก็เพราะว่าทั้งคู่เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและจัดการสินทรัพย์ทางการเงินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่อาจแยกแยะความแตกต่างระหว่างทั้งสองคำนี้ได้ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไรนัก และใครที่ยังไม่แน่ใจว่าทั้งสองคำนั้นต่างกันอย่างไร เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นเอง

เป็นแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินออนไลน์ที่มีให้ครบทุกอย่างในแอพเดียว สามารถใช้จ่ายแทนเงินสดที่ร้านค้าชั้นนำ เช่น 7-Eleven, Boots, CP Fresh Mart เป็นต้น เติมเงินค่าอินเทอร์เน็ต, เติมเงินค่าโทรศัพท์, เติมเงินค่า Easy Pass, เติมเงินค่าบัตรโดยสาร MRT, เติมเงินในเกม, ซื้อตั๋วเครื่องบิน นอกจากนี้ยังสามารถผูกบัญชีกับบัตรเครดิตได้ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นเหมือนบัตรเครดิตเสมือนที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการจ่าย โอนและชำระผ่านระบบออนไลน์ได้เหมือนบัตรเครดิตทั่วๆไป

E-wallet คือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ซึ่งนับเป็น FinTech อย่างหนึ่ง ที่ผู้คนทั่วไปนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยสิ่งนี้ได้เข้ามาช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยเงินในชีวิตประจำวันสะดวกง่ายดายยิ่งกว่าเดิม เพียงมีกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผูกกับบัญชีธนาคาร, บัตรเดบิต, หรือบัตรเครดิต เท่านี้ก็ใช้ e-wallet เพื่อชำระเงินค่าสินค้าและบริการตามร้านค้าหรือที่ต่างๆ ได้แล้ว

ปัจจุบันตลาด e-wallet ในไทยเรามี e-wallet อยู่หลายตัวให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ โดยมี digital wallet หลายตัวที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ซึ่งเราจะมาดูไปพร้อมกันว่าบรรดากระเป๋าดิจิทัลเหล่านี้มีรายละเอียดแตกต่างกันในจุดไหนบ้าง